ไม่น่าเลือกเรียนจากโฆษณาและราคา

เรียนมา 2 ที่ สอบยังไงก็ไม่ถึงเป้าหมาย … สู่ TOEIC 710 คะแนน หลังเรียนกับ ENG ME UP

Case นี้ นักเรียนค่อนข้างมีความกดดัน เนื่องจาก เหลือโอกาสสอบอีก 2 ครั้งสุดท้าย และท้อที่คะแนนไม่ถึงเป้าหมาย 700 สักที

ปัญหา

นักเรียนคนนี้เคยเรียนมาแล้วถึง 2 ที่ แต่ผลสอบก็ยังไม่ถึง 700 สักที ทั้งๆ ที่พยายามเต็มที่ และเสียเวลาไปหลายรอบ ปัญหา คือคอร์สที่เคยเจอเน้นสอนแบบแยกเรื่อง และเน้นให้จำเพื่อทำข้อสอบได้อย่างรวดเร็ว แม้จะเรียนเข้าใจในคอร์ส แต่ สุดท้ายเมื่อไปสอบพบว่า ทำข้อสอบจริง ที่โจทย์ผสมกันทั้งหมด และยากกว่าตอนเรียน ไม่ได้ และไม่รู้ว่าปัญหาของ ตัวเองคืออะไร ต้องแก้ไขอย่างไร เมื่อเอาคะแนนไปยื่น ก็ได้เรียนฟรีอีก 1 รอบ แต่เนื้อหาซ้ำแบบเดิม ซึ่งเราก็เข้าใจ และได้ทำ แบบฝึกหัดเหล่านั้นมาแล้ว มันก็จำได้

ทำให้แม้จะตั้งใจเรียน แต่คะแนนก็ยัง “วนอยู่กับที่”

คำแนะนำ

นักเรียนที่พื้นฐานค่อนข้างน้อย ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน และการทำงาน อาจไม่เหมาะกับคอร์สที่เน้นเทคนิคแบบ สูตรลัดครับ เนื่องจาก เราจะไม่สามารถประยุกต์โจทย์เมื่อเราเจอข้อสอบจริง ที่ผสมทุกรูปแบบ และลูกเล่นของข้อสอบได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญ คือ ต้องปรับ mindset และพร้อมเริ่มต้นใหม่ ปรับพื้นฐานให้พร้อม ฝึกโจทย์ตามลำดับความยาก เมื่อเจอ จุดอ่อน อย่าเพิ่งไปโจทย์ยากขึ้นใน Level ต่อไป ให้ทบทวนข้อผิดพลาดตาม Weakness Sheet และ เปิดแบบฝึกหัดเสริม ทำเพิ่มก่อนตามลำดับ (อย่าคิดแค่ว่า เรียนจบแล้วสอบผ่าน)

เหตุผลเบื้องหลังความสำเร็จ

นักเรียนรับฟัง และปฏิบัติตาม Guidebook อย่างดี มีวินัยทำตามแผนการเรียนที่วางไว้ด้วยกัน และอึดมากๆ คับ ต้องชื่นชม แม้ระหว่างทางจะบ่น จะท้อบ้าง แต่ก็ไม่เคยถอย ปรบมือให้ครับ

ไม่น่าเลือกเรียน จากโฆษณา

2 เดือน คะแนน TOEIC จากไม่เคยเกิน 400 เป็น 680

Case นี้ นักเรียนค่อนข้างมีความกดดัน เนื่องจากต้องรีบยื่นคะแนนในองค์กร

ปัญหา

พื้นฐานน้อย และทำงานเป็นพยาบาลที่ต้องเข้าเวรไม่แน่นอน เลยอยากเรียนเป็น Online ซึ่งก่อน หน้าที่จะมาเจอกัน ได้เลือกคอร์สที่เน้นเทคนิค กระชับ มีสูตรลัดการจำ และเทคนิคเดา โดยเชื่อว่า จะทำให้ผ่านได้เร็ว โดยไม่ต้องใช้เวลามากนัก ซึ่งตอนเรียนในคอร์สก่อนหน้านี้ก็เข้าใจ แต่สุดท้าย เจอข้อสอบจริงก็ประยุกต์ไม่ได้ ทำให้คะแนน TOEIC ไม่พัฒนา และอย่างไกลจากเป้าหมาย

คำแนะนำ

นักเรียนที่พื้นฐานน้อย อาจไม่เหมาะกับคอร์สที่เน้นเทคนิคแบบสูตรลัดครับ เนื่องจาก เราจะไม่ สามารถประยุกต์โจทย์เมื่อเราเจอข้อสอบจริง ที่ผสมทุกรูปแบบ และลูกเล่นของข้อสอบได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญ คือ ต้องปรับ mindset ว่าไม่ใช่เรียนจบแล้วจะสอบผ่านได้เลย ข้อสอบ TOEIC ไม่ใช่ ความจำ แต่ต้องนำกลยุทธ์ที่ประยุกต์โจทย์ได้ทุกรูปแบบ มาปรับใช้กับโจทย์รวมได้อย่างเป็นธรรม ชาติและเร็วเพียงพอ

เหตุผลเบื้องหลังความสำเร็จ

นักเรียนรับฟัง และพร้อมเริ่มต้นใหม่ ปรับพื้นฐานก่อนเข้าสู่กลยุทธ์ TOEIC รวมถึงมีวินัยในการ ฝึกโจทย์ตามลำดับความยาก เมื่อเจอจุดอ่อน ก็ note ไว้ใน Weakness Sheet และตั้งใจแก้ไข มากๆ แม้จะมีท้อบ้าง แต่ก็คอย update ความก้าวหน้าให้ผมฟังอยู่ตลอด … เคสนี้ผมชื่นชม มากๆ ครับ

เป้าหมาย TOEIC 600 อาจไม่ง่าย สำหรับใครหลายๆ คน

Case ที่พบเยอะ กับนักเรียนที่ห่างหายจากภาษาอังกฤษมาเป็นเวลานาน หรือไม่ชอบภาษาอังกฤษ

ปัญหา

พื้นฐานน้อยมากๆ ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร และขาดความมั่นใจมากๆ ในการสอบ รวมถึง เจอ ประสบการณ์การติว การเรียน หรือการสอบที่ไม่ค่อยดีนัก

คำแนะนำ

Mindset สำคัญที่สุด … สำหรับผม “ไม่เก่งไม่เคยกลัว กลัวไม่ถึกพอ” นักเรียนกลุ่มนี้ ต้องอาศัย หลายปัจจัย ทั้งความตั้งใจจริง ตั้งใจที่จะเรียนรู้เป็นระบบตั้งแต่เริ่มต้น ทำ Level Test ปรับ พื้นฐาน ทบทวน จนพร้อมที่จะเข้าสู่กลยุทธ์การสอบ ค่อยๆ ทำโจทย์แต่ละ part ตามขั้นตอนที่มีให้ หมั่นตรวจสอบจุดอ่อน และขยันทำแบบฝึกหัดเสริมตลอดเส้นทาง ที่สำคัญ คือวินัย ที่ต้องมี ความสม่ำเสมอ และให้เวลากับตัวเอง 4-8 สัปดาห์ ขึ้นกับพื้นฐานและเป้าหมายของแต่ละคน

เหตุผลเบื้องหลังความสำเร็จ

นักเรียนเปิดใจ พร้อมรับฟังคำแนะนำ และทำตามแผนการเรียนที่ผมวางไว้ให้ตั้งแต่ตอนปรึกษา คอร์ส ที่สำคัญมีวินัยและความมุ่งมั่น ทบทวน และปรับแก้จุดอ่อนของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ตลอด 6 สัปดาห์ในการเรียน และเผื่ออีก 2 สัปดาห์เพื่อลงทะเบียนสอบไว้ 2 รอบ กันพลาด เป็น อีกเคสที่ผมเห็นพัฒนาการอย่างชัดเจน

นักเรียนที่มีพื้นฐาน และใช้งานภาษาอังกฤษในการทำงานประจำวัน แต่ยังเตรียมไม่ตรงจุด ไม่รู้จุดอ่อนตัวเอง

Case ที่พบเยอะ กับนักเรียนที่ใช้ภาษาอังกฤษในที่ทำงาน หรือชีวิตประจำวัน แต่ไม่ได้เตรียมเฉพาะสำหรับการสอบ TOEIC

ปัญหา

ผู้สอบที่ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน มักเจอปัญหาใกล้เคียงกัน คือ ทำข้อสอบด้วยความเคย ชิน เวลาสอบถามมักตอบว่า มันแปลกๆ ใช้ sense … ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำได้เร็ว อย่างไรก็ ตาม พื้นฐานเชิง Structure อาจมีมาไม่เท่ากัน ความคุ้นของเรา อาจไม่ถูกตามโครงสร้างภาษา 100% ตามที่ข้อสอบ TOEIC ต้องการวัด มักทำโจทย์ในข้อการใช้เฉพาะได้ดี ซึ่งหากแบ่งตาม Level จะอยู่ในระดับยาก แต่มักผิดในข้อพื้นฐาน (ซึ่งหากไม่มีขั้นตอนการคิดที่ประยุกต์โจทย์ได้ทุก รูปแบบ เราก็จะไม่ทราบเลยครับ ว่าโจทย์ข้อไหน อยู่ในระดับใด และควรกำหนดกลยุทธ์หรือ วิเคราะห์ไปในทิศทางใด) รวมถึง มักจะยังไม่ได้เข้าใจ Character หรือนิสัยของข้อสอบดีพอ ทำ ให้ยังเตรียมตัวได้ไม่ตรงจุด และไม่รู้จุดอ่อนของตัวเอง

คำแนะนำ

แม้ดูจะมีพื้นฐานทางการใช้ภาษาที่ดี แต่เคสนี้ต้องการคะแนนระดับ 750+ ซึ่งจะพลาดโจทย์ พื้นฐาน (Level 1) ซึ่งถือเป็น Based Score ไม่ได้เลย และยังคงต้องเก็บคะแนนในโจทย์ระดับ Level 2 และ 3 ให้ได้ ดังนั้น การเริ่มจูนตั้งแต่พื้นฐาน เมื่อไปผนวกกับขั้นตอนการคิด กลยุทธ์ และเทคนิค จะไปได้ไว เพราะ มีทักษะการใช้งานที่ดีอยู่แล้ว หรือพูดได้ว่า ต้องเปิดใจ เอาตัวเอง ออกมา และค่อยๆ ใส่ขั้นตอนการคิดตามแบบฉบับข้อสอบ TOEIC เข้าไป และฝึกไปตามระดับ เพื่อเข้าใจจุดอ่อน และแก้ไขตามลำดับ

เหตุผลเบื้องหลังความสำเร็จ

นักเรียนน่ารักมากๆ ทั้งเปิดใจ ทั้งตั้งใจ และทำงานหนักมากๆ ค่อยๆ เรียนตามลำดับ ตาม Guidebook แม้ตัวเองจะใช้ภาษาอังกฤษได้ดีอยู่แล้ว ก็ยังพยายามหาจุดอ่อน และปรับแก้ตาม เนื้อหาเสริมและ software ที่มีให้ อย่างสม่ำเสมอ และเมื่อฝึกโจทย์เยอะ เข้าใจกระบวนการออก ข้อสอบ ก็แยกแยะระดับความยากของโจทย์ได้ดี ไม่พลาดในข้อง่าย ขณะที่ข้อยากยังเก็บคะแนน ได้ และทักษะการฟังดี ทำให้คะแนนออกมาเกินเป้าตั้งแต่ครั้งแรกที่สอบ

นักเรียนที่องค์ประกอบครบ ทั้งพื้นฐานดี และ Mindset น้ำไม่เต็มแก้ว

คะแนน TOEIC เกินเป้าหมาย อยากได้ 750 แต่ได้จริง 900 ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

Case ที่อาจารย์อยากเจอที่สุด มีครบทั้งพื้นฐาน และใจ ที่พร้อมยอมรับ ปรับแก้ จุดอ่อน อย่างเป็นระบบ แถม ทดลองเรียนกันมาแล้ว ทำให้เปิดใจเต็มที่

ปัญหา

ปัญหาของเคสนี้มีเรื่องเดียว คือต้องใช้คะแนนสูง (TOEIC 750+) และคะแนนยังขาดไป 20 คะแนน แต่เรื่องที่ไม่เป็น ปัญหาเลยก็คือ พื้นฐาน และ Mindset ที่น่ารักมากๆ ทั้งทดลองเรียนมาในขั้นตอนที่ 1 และดูกระบวนการสร้างคอร์ สรับรองผลในขั้นตอนที่ 2 ของผม แล้วเปิดมาด้วยข้อความ ที่อยากเก่งขึ้นอีก พร้อมแก้ไขจุดอ่อน เพื่อให้ได้คะแนน ตามเป้า

คำแนะนำ

แทบไม่ต้องแนะนำอะไรเพิ่มเติม นอกจาก ลงทะเบียนเรียน จัดตารางอย่างมีวินัย ปรับแก้จุดอ่อนตามลำดับของ หลักสูตร และ 100% สอบผ่านแน่นอน

เหตุผลเบื้องหลังความสำเร็จ

นักเรียนน่ารักมากๆ ทั้งเปิดใจ ทั้งตั้งใจ และทำงานหนักมากๆ ค่อยๆ เรียนตามลำดับ ตาม Guidebook แม้ตัวเอง จะใช้ภาษาอังกฤษได้ดีอยู่แล้ว ก็ยังพยายามหาจุดอ่อน และปรับแก้ตามเนื้อหาเสริมและ software ที่มีให้ อย่าง สม่ำเสมอ และเมื่อฝึกโจทย์เยอะ เข้าใจกระบวนการออกข้อสอบ ก็แยกแยะระดับความยากของโจทย์ได้ดี ไม่พลาดใน ข้อง่าย ขณะที่ข้อยากยังเก็บคะแนนได้ และทักษะการฟังดี ทำให้คะแนนออกมาเกินเป้าตั้งแต่ครั้งแรกที่สอบ

ต้องเข้าใจกระบวนการออกข้อสอบ เข้าใจ Pattern กำหนดกลยุทธ์ ฝึกฝนเฉพาะการสอบ TOEIC

2 อาทิตย์ คะแนน TOEIC 840

Case ที่พื้นฐานดี สื่อสารได้ดีในองค์กร แค่เข้าใจกระบวนการออกข้อสอบ เข้าใจ Pattern กำหนดกลยุทธ์ ฝึกฝนเฉพาะการสอบ TOEIC ก็สามารถสอบผ่านได้เร็ว

ปัญหา

เคสนี้พื้นฐานดี เนื่องจากเคยเรียน CU-TEP เพื่อเรียนต่อโทด้วยกัน เมื่อ 2 ปีก่อน แต่ต้องใช้ TOEIC 800+ ภายใน 3 สัปดาห์ เคยไปลองสอบ คะแนนยังไม่ถึงเกณฑ์วนไปมา หลังจาก สอบถามพบว่า นักเรียนลงทะเบียนเรียนคอร์สเร่งรัด เน้นท่องจำ เพื่อไปสอบ TOEIC

คำแนะนำ

ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา ที่เหลือเวลาเตรียมตัวเพียง 3 อาทิตย์ อย่างไรก็ตามการที่นักเรียนเคย สอบ CU-TEP ได้ 70 จึงพิจารณาได้ว่า นักเรียนมีพื้นฐานด้าน Structure และการใช้งาน ภาษาอังกฤษที่ดีพอสมควร รวมถึงมีประสบการณ์ในการเตรียมและสอบข้อสอบประเภท Academic มาแล้ว จึงค่อนข้างมั่นใจว่า ขั้นตอนการฝึกโจทย์ กลยุทธ์ และเทคนิค รวมถึงโจทย์ ข้อสอบเก่าเกือบ 1000 ข้อ ใน Standard Course 37.5 ชั่วโมง จะเพียงพอกับการทำคะแนนใน ครั้งนี้

เหตุผลเบื้องหลังความสำเร็จ

พื้นฐานและทักษะการใช้ภาษา รวมถึงประสบการณ์การสอบ CU-TEP เป็นปัจจัยเบื้องต้น เมื่อ รวมเข้ากับขั้นตอนและกลยุทธ์การฝึกโจทย์ในทุก Part การสอบ และได้ฝึกด้วยแบบฝึกหัดอย่าง เพียงพอและเหมาะสม รวมถึงมีคลังคำศัพท์ที่เพียงพอจาก WORD ME UP Vocab Software ก็สามารถพัฒนาคะแนนได้จริงครับ

อีก 1 Case ที่ไว้ใจ ENG ME UP ตั้งแต่สอบ CU-TEP เพื่อเรียนต่อโท พอจบโทจะเข้าทำงาน ต้องการ TOEIC800 ก็ยังไม่ลืมกัน

3 สัปดาห์ สู่คะแนน TOEIC 840

Case ที่พื้นฐานดี แค่เข้าใจกระบวนการออกข้อสอบ เข้าใจ Pattern กำหนดกลยุทธ์ ฝึกฝนเฉพาะการสอบ TOEIC ก็ สามารถสอบผ่านได้เร็ว

ปัญหา

Case นี้ ไม่เคยสอบ TOEIC มาก่อน ทำให้ไม่มีคะแนนเริ่มต้นในการประเมิน อย่างไรก็ตามเนื่องจากเคยสอบ CU-TEP ซึ่งเป็น Academic English มาได้มากกว่า 70 และเรียนด้วยกันมาก่อน ทำให้มั่นใจว่า พื้นฐานดีชัวร์ อิอิ!

… ปัญหาหลักน่าจะเป็น คะแนนที่สูง ในเวลาจำกัด ซึ่งเราต้องทำให้ผ่านให้ได้ในรอบเดียว

คำแนะนำ

ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา ที่เหลือเวลาเตรียมตัวเพียง 1 เดือน กับเป้าหมาย TOEIC800+ และยังไม่เคยสอบ ทำให้ผม แนะนำปรับเป็นระบบใน TOEIC Full Package แต่ต้องเพิ่มวินัย + ความถึกเข้าไปอีกหน่อย และเน้นย้ำว่า ขอให้เรียน จบส่วน 15 Sessions หลักภายใน 20 วัน และมา update จุดอ่อนให้ผมใน Line อีก 7 วันที่เหลือ เราจะทำ 10 Mock Tests ในช่วงท้าย ที่ครอบคลุมลูกเล่นทุกรูปแบบ และยากกว่าข้อสอบจริงในชุดท้ายๆ เพื่อเตรียมความพร้อม ขั้นสุดท้าย + เพิ่มความคงทนของสมองให้ focus อยู่ได้ตลอด 200 ข้อของข้อสอบ TOEIC

เหตุผลเบื้องหลังความสำเร็จ

พื้นฐานดีไม่พอ ยังตั้งใจ + มีวินัย เหมือนตอนสอบ CU-TEP คอย Update ความคืบหน้าผมตลอด ไม่บ่น ไม่ท้อ แถมจัดตารางเรียนโหดกว่าที่ผมคิด และแน่นอนกว่า ทำขนาดนี้ ไม่มีทางพลาดเป้าหมาย ^^

สอบ TOEIC หลายรอบ คะแนนวนไปวนมาแถวๆ 400 สู่ TOEIC 665 ทันยื่นแบบฉิวเฉียด

Case นี้ สอบมา 6 รอบ และเรียนมาจาก 1 ที่ แต่คะแนนยังคงวนไปวนมา ไม่ถึงเป้าหมาย จนเริ่ม ท้อ

ปัญหา

ผู้สอบตั้งเป้าว่าอยากได้ 600 และในขณะเตรียมตัวก็ยังเหลือเวลาอีกเกือบ 8 เดือน ทำให้มีความ ชะล่าใจ รวมถึงได้ดูโฆษณาการเรียนของสถาบันนึง ก็ดูเรียนไม่ยาก ท่องๆ ร้องเพลง ก็ดูจะทำ ข้อสอบได้แล้ว แถมเขารับรองผล 700 เมื่อเรียนก็เข้าใจ แต่ไปสอบ 6 รอบ คะแนนกลับวนไปมา แถวๆ 400 จนเริ่มท้อ เพราะเหลือเวลา 1 เดือน

คำแนะนำ

ต้องปรับ mindset และพร้อมเริ่มต้นใหม่ ปรับพื้นฐานให้พร้อม ฝึกโจทย์ตามลำดับความยาก เมื่อเจอจุดอ่อน อย่าเพิ่งไปโจทย์ยากขึ้นใน Level ต่อไป ให้ทบทวนข้อผิดพลาดตาม Weakness Sheet และ เปิดแบบฝึกหัดเสริมทำเพิ่มก่อนตามลำดับ (อย่าคิดแค่ว่า เรียนจบแล้วสอบผ่าน) และ ขอให้นักเรียนจัดตารางใน 1 เดือนนี้ด้วยกันกับหลักสูตร Full Package ที่มีให้ ซึ่งโหดมาก พอสมควร

เหตุผลเบื้องหลังความสำเร็จ

นักเรียนรับฟัง และปฏิบัติตาม Guidebook อย่างดี มีวินัยทำตามแผนการเรียนที่วางไว้ด้วยกัน และอึดมากๆ คับ ต้องชื่นชม (นักเรียนมีเวลาว่างเต็มทั้งเดือนสำหรับการเตรียมตัวสอบรอบ สุดท้ายโดยเฉพาะ)

อ่านเองไร้ทิศทาง ไม่รู้จุดอ่อนตัวเอง ทั้งๆ ที่ใช้ภาษาในการทำงาน

สู่ TOEIC 835 หลังเรียน

Case ที่พื้นฐานดี แค่เข้าใจกระบวนการออกข้อสอบ เข้าใจ Pattern กำหนดกลยุทธ์ ฝึกฝนเฉพาะ การสอบ TOEIC ก็สามารถสอบผ่านได้เร็ว

ปัญหา

เคสนี้ ใช้ภาษาอังกฤษในการทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว เนื่องจากทำงานกับบริษัทต่างชาติ เคย ไปลองสอบ TOEIC คะแนนยังไม่ถึงเกณฑ์ หลังจากสอบถามพบว่า นักเรียนแค่ซื้อหนังสือ ข้อสอบ TOEIC มาฝึกเองก่อนไปสอบ ดังนั้นปัญหาหลักคือ นักเรียนยังไม่เข้าใจ Character และนิสัยของข้อสอบที่ Tricky ที่สุดในท้องตลาด ทำให้ยังไม่ได้ฝึกฝนวิธีรับมือกับข้อสอบอย่าง เหมาะสม หรือยังเตรียมตัวได้ไม่ตรงจุดนั่นเอง

คำแนะนำ

ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา ที่เหลือเวลาเตรียมตัวเพียง 3 อาทิตย์ อย่างไรก็ตามด้วยพื้นฐานการใช้ งานจริง จึงพิจารณาได้ว่า นักเรียนมีพื้นฐานด้าน Structure และการใช้งานภาษาอังกฤษที่ดี พอสมควร จึงค่อนข้างมั่นใจว่า ขั้นตอนการฝึกโจทย์ กลยุทธ์ และเทคนิค รวมถึงโจทย์ข้อสอบ เก่าเกือบ 1000 ข้อ ใน Standard Course 37.5 ชั่วโมง จะเพียงพอกับการทำคะแนนในครั้งนี้

เหตุผลเบื้องหลังความสำเร็จ

พื้นฐานและทักษะการใช้ภาษาเป็นปัจจัยเบื้องต้น เมื่อรวมเข้ากับขั้นตอนและกลยุทธ์การฝึกโจทย์ใน ทุก Part การสอบ และได้ฝึกด้วยแบบฝึกหัดอย่างเพียงพอและเหมาะสม รวมถึงมีคลังคำศัพท์ที่ เพียงพอจาก WORD ME UP Vocab Software ก็สามารถพัฒนาคะแนนได้อย่างรวดเร็วครับ

พื้นฐานก็ดี ลงทุนเรียน PRIVATE หมดเป็นหมื่น ก็ยังไม่ถึง 700

Case นี้ ทำคะแนนขึ้นไม่ยากครับ เจอได้เยอะ ในนักเรียนที่ใช้ภาษาอังกฤษในที่ทำงานอยู่แล้ว มี พื้นฐานและทักษณะการงานจริง

ปัญหา

ที่ได้ปรึกษากัน นักเรียนค่อนข้างทราบจุดแข็ง จุดอ่อนตัวเอง ซึ่งถือเป็นเรื่องดีมากๆ และการ ตัดสินใจจ้างติวเตอร์แบบสด ส่วนตัว ก็ดีครับ ตอบโจทย์ได้ตรง … แต่ติดตรงที่ ติวเตอร์ท่านนั้น อาจยังไม่ได้รู้จัก Algorithm การออกข้อสอบ TOEIC เฉพาะ อย่างดีพอ เพราะ TOEIC เป็น ข้อสอบที่ค่อนข้าง Tricky มีลูกเล่นมากคับ ทำให้อาจเตรียมไม่ตรงจุดเท่าที่ควร

คำแนะนำ

เคสลักษณะนี้ ทำคะแนนขึ้นไม่ยากครับ เพราะมีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว แค่ต้องเข้าใจข้อสอบอย่าง แท้จริง ว่าแต่ละ part เราจะมีวิธีการเอาชนะมันได้อย่างไร ข้อสอบวางลูกเล่นแบบใด สิ่งสำคัญ กว่า คือ ผู้เรียนที่เปิดใจ ยอมรับในขั้นตอนใหม่ๆ และฝึกฝนด้วยกันอย่างจริงจัง

เหตุผลเบื้องหลังความสำเร็จ

นักเรียนเปิดใจมากๆ ยอมรับกระบวนการคิดใหม่ๆ และใช้เวลาปรับแก้จุดอ่อนตนเองอย่างมีวินัย มากๆ ในเวลาสั้นๆ

เรียนจบและทำงานในต่างประเทศ … แค่มาจูนให้คิดได้แบบคนออกข้อสอบ TOEIC

คะแนน TOEIC เกินเป้า 880 ใน 2 สัปดาห์

ปัญหา

นักเรียนที่เรียนในต่างประเทศ หรือผู้สอบที่ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน มักเจอปัญหา ใกล้เคียงกัน คือ ทำข้อสอบด้วยความเคยชิน เวลาสอบถามมักตอบว่า มันแปลกๆ ใช้ sense … ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำได้เร็ว อย่างไรก็ตาม พื้นฐานเชิง Structure อาจมีมาไม่เท่ากัน ความ คุ้นของเรา อาจไม่ถูกตามโครงสร้างภาษา 100% ตามที่ข้อสอบอย่าง TOEIC ต้องการวัด มักทำ โจทย์ในข้อการใช้เฉพาะได้ดี ซึ่งหากแบ่งตาม Level จะอยู่ในระดับยาก แต่มักผิดในข้อพื้นฐาน (ซึ่งหากไม่มีขั้นตอนการคิดที่ประยุกต์โจทย์ได้ทุกรูปแบบ เราก็จะไม่ทราบเลยครับ ว่าโจทย์ข้อไหน อยู่ในระดับใด และควรกำหนดกลยุทธ์หรือ วิเคราะห์ไปในทิศทางใด) รวมถึง มักจะยังไม่ได้เข้าใจ Character หรือนิสัยของข้อสอบดีพอ ทำให้ยังเตรียมตัวได้ไม่ตรงจุด และไม่รู้จุดอ่อนของ ตัวเอง

คำแนะนำ

TOEIC 850 ใน 2 สัปดาห์ โจทย์ค่อนข้างหนัก แต่ด้วยทักษะการใช้งานจริง ทั้งการศึกษาต่อในต่างประเทศ (ใช้ Academic English ได้ดี โครงสร้างเชิงภาษาดี) และการทำงานในต่างประเทศ (ใช้ General English ในการสื่อสารได้ดี) ทำให้เราได้เปรียบใน listening part ที่จะทำคะแนนขึ้นได้เร็ว แค่ใส่กลยุทธ์ และเทคนิค เฉพาะเพื่อให้ focus ได้ดีขึ้น … รวมถึงจูนกระบวนการคิด + คำศัพท์ ให้เหมาะสมกับ Level การสอบ TOEIC ก็จะทำให้ Reading Part พัฒนาขึ้นได้เช่นกัน

โดยสรุป เคสนี้ Standard Course 37.5 ชั่วโมง เพียงพอ

เหตุผลเบื้องหลังความสำเร็จ

นักเรียนจัดสรรเวลาเรียน และฝึกฝนระหว่างเรียนอย่างมีวินัย จบภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อมีเวลา ทบทวนข้อผิดพลาด และจุดอ่อนที่เกิดขึ้น เพื่อพยายามปรับแก้ ก่อนจะทดลองทำ Mock Test ในช่วงท้ายของคอร์ส ซึ่งได้คะแนน 815 ซึ่ง Mock Test ของผมจะค่อนข้างยากกว่าข้อสอบจริง เนื่องจากผมรวบรวมข้อลูกเล่นต่างๆ ไว้อย่างครบถ้วน เมื่อไปสอบจริง จึงได้ผลสอบที่สูงขึ้นที่ 880 คะแนน

เคย เลือกคอร์สเรียนจากโฆษณา เพราะอยากผ่านเร็ว แต่พื้นฐานยังไม่แน่นพอ

Case ที่พบเยอะ กับนักเรียนไทยที่เรียน Grammar มามากมาย แต่ใช้จริงไม่ได้ และเกลียดกลัว Grammar เป็นชีวิตจิตใจ

ปัญหา

พื้นฐานโครงสร้างภาษาอังกฤษค่อนข้างน้อย ทำให้มีปัญหาเมื่อต่อยอดด้วย Algorithm เฉพาะ ของการทำข้อสอบ TOEIC Reading โดยเฉพาะเมื่อขึ้นโจทย์ Level 2 และ Level 3 ทำให้ คะแนนใน Reading Part ขึ้นไม่เสถียร และทำไม่ทัน

รวมถึง เจอประสบการณ์การติว การเรียน หรือการสอบที่ไม่ค่อยดีนัก

คำแนะนำ

Case นี้ ผมกล้าให้ความมั่นใจ เนื่องจาก Listening Part ทำได้ดีอยู่แล้ว (ไม่ตกเป็นภาระของ Reading Part) แต่ …. ขอให้ลงเป็น Full Package เพื่อเริ่มตั้งแต่จูนพื้นฐานเชิงโครงสร้าง ภาษา และขอวินัย + หัวใจ ที่พร้อมยอมรับ ปรับแก้ จุดอ่อน อย่างเป็นล าดับในคอร์ส ด้วยเนื้อหา แบบฝึกหัดเสริม และ software ที่มีให้ในคอร์ส

เหตุผลเบื้องหลังความสำเร็จ

นักเรียนเปิดใจ พร้อมรับฟังคำแนะนำ และทำตามแผนการเรียนที่ผมวางไว้ให้ตั้งแต่ตอนปรึกษา คอร์ส ที่สำคัญมีวินัยและความมุ่งมั่น ทบทวน และปรับแก้จุดอ่อนของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เมื่อ Reading Part พัฒนาขึ้น ก็ไปเพิ่มคะแนนใน Listening Part ได้อีกทางด้วย เนื่องจาก Focus ส่วนสำคัญได้แม่นยำขึ้น จากการมีโครงสร้างที่ดี

อายุเยอะ ก็ใช่จะมีปัญหา ขอแค่หัวใจและวินัย

สอบมาหลายรอบไม่คิดว่าจะได้ถึง 600 (สุดท้ายได้ 730)

Case ที่พบบ่อย กับนักเรียนที่ทำงานราชการ ไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษมากนัก และอายุเริ่มเยอะขึ้น แต่ต้องสอบเพื่อ เข้า criteria ขององค์กร

ปัญหา

พื้นฐานน้อย ห่างหายจากการใช้ภาษาอังกฤษไปนาน และขาดความมั่นใจ เนื่องจากคิดว่าตัวเอง อายุมากแล้ว

คำแนะนำ

ผมจำประโยคแรกที่แนะนำให้กับนักเรียนท่านนี้ได้ดี “ตัดเรื่องอายุทิ้งไป” อย่าสนเรื่องอายุ ทุกวัย ทำได้ รวมถึงทุกพื้นฐานสอบ TOEIC ผ่านได้ ผมขอแค่ mindset ที่ถูกต้อง หัวใจที่ไม่ยอมแพ้ พร้อมที่จะเปิดรับ ปรับแก้จุดอ่อนอย่างเป็นระบบในคอร์ส

เหตุผลเบื้องหลังความสำเร็จ

นักเรียนที่พื้นฐานน้อย อาจไม่เหมาะกับคอร์สที่เน้นเทคนิคแบบสูตรลัดครับ เนื่องจาก เราจะไม่ สามารถประยุกต์โจทย์เมื่อเราเจอข้อสอบจริง ที่ผสมทุกรูปแบบ และลูกเล่นของข้อสอบได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญ คือ ต้องปรับ mindset และพร้อมเริ่มต้นใหม่ ปรับพื้นฐานให้พร้อม ฝึกโจทย์ ตามลำดับความยาก เมื่อเจอจุดอ่อน อย่าเพิ่งไปโจทย์ยากขึ้นใน Level ต่อไป ให้ทบทวน ข้อผิดพลาดตาม Weakness Sheet และ เปิดแบบฝึกหัดเสริมทำเพิ่มก่อนตามลำดับ (อย่าคิด แค่ว่า เรียนจบแล้วสอบผ่าน)

นักเรียนรับฟัง และปฏิบัติตาม Guidebook อย่างดี มีวินัยทำตามแผนการเรียนที่วางไว้ด้วยกัน และอึดมากๆ คับ ต้องชื่นชมมากๆๆ จากหัวใจเลยครับ และขอบคุณมากๆ เลยครับ ที่แนะนำให้ เพื่อนๆ ในองค์กรมาเรียนด้วยกันอีกหลายท่าน

อย่าตกหลุมพราง คำว่า “รับรองผล”

ใครๆ ก็พูดได้ เพื่อผลเชิงการตลาด

ปัญหา

นักเรียนหาที่เรียนโดย search จาก Internet ว่าสถาบันไหนรับรองผลสูงที่สุด และใช้เวลาเรียนไม่มากก็สอบผ่านได้ เนื่องจากคิดว่าตัวเอง ไม่ค่อยมีเวลาเรียน ต้องดูแลครอบครัว

คำแนะนำ

ขอโหดนิดนึง เพราะไม่อยากให้ตกเป็นเหยื่อการตลาดขายฝันจริงๆ ครับ ขออนุญาตปรับ Mindset ตั้งแต่ต้น โดย ขออนุญาตให้แง่คิดว่า การสอบ TOEIC ไม่ใช่ความจำ แค่เข้าใจยังไม่พอ แต่ต้องนำกระบวนการที่เหมาะสมมา ประยุกต์ใช้ได้อย่างแม่นยำ และเร็วมากเพียงพอ

เหตุผลเบื้องหลังความสำเร็จ

หลังจากนักเรียนทดลองเรียน และดูกระบวนการสร้าง Course รับรองผลของ ENG ME UP .. นักเรียนเปลี่ยน มุมมอง และสัญญาว่าจะตั้งใจปรับแก้จุดอ่อนตามลำดับ โดยให้เวลาตัวเอง 3 เดือน แบบมีวินัย ซึ่งสุดท้ายก็นำมาซึ่ง ผลลัพธ์ที่เกินคาด รวมถึงความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษที่เพิ่มขึ้น

เพราะตลอด 15 ปี ได้รับฟังปัญหาของผู้สอบ TOEIC มามากมาย

ตอนเรียนรู้สึกง่าย ท่องจำเป็นเรื่องๆ แต่ เจอข้อสอบจริงโจทย์ผสมกันหมด ไปไม่เป็น

ไม่น่าเลือกเรียนจากโฆษณา อยากเรียนน้อยๆ ลัดๆ ผ่านได้ไว ทั้งๆ ที่พื้นฐานไม่ดี

5 ปัญหาผู้สอบ TOEIC

www.englishmeup.com/toeic/#steps

ENG ME UP จึงตั้งใจให้ข้อมูลที่ครบถ้วนทุกมิติ และอยากให้ทุกท่านได้ค่อยๆ พิจารณาอย่างถี่ถ้วน

สไตล์การสอนที่ตรงจริต มีความเฉพาะกับการสอบ TOEIC และ ควรประยุกต์โจทย์ได้ทุกรูปแบบ

www.englishmeup.com/toeic/#about

www.englishmeup.com/toeic/#demo

กระบวนการเรียน และการใช้คำว่า “รับรองผล” บนพื้นฐานของเครื่องมือรองรับ ไม่ใช่ “การตลาด” และนักเรียนก็ต้องพร้อม ทำงานหนักเพื่อผลลัพธ์จริงๆ

”เพราะอนาคตไม่ใช่สินค้า เสียเงิน เสียเวลา ไม่เท่าการที่ต้องล้มเลิกความฝัน”

เผยประสบการณ์เตรียมสอบ TOEIC ผิดพลาด ก่อนได้ 880

“อนาคต อย่าฝากไว้ที่คำโฆษณา” คำนี้ โดนมากับตัว พื้นฐานน้อย เวลาจำกัด อยากได้อะไรมาง่ายๆ อยากสอบ TOEIC ผ่านง่ายๆ เลยเชื่อโฆษณาขายฝัน น่าลองดูเพราะมีโปรโมชั่นโดนใจ ราคาไม่แพง

สุดท้าย เสียทั้งเงิน และเวลา … คงเหลือแต่ความกดดัน กับ deadline ที่เหลือ 1 เดือน สุดท้ายผ่านมาได้ยังไง และ Mindset คำนี้ โคตรสำคัญ